adidas เปิดตัวตระกูล Boston รุ่นใหม่อีกครั้ง เราเคยรีวิว Boston 12 ไปเมื่อ 2 ปีก่อน รอบนี้กลับมาหน้าตาไม่ต่างจากเดิมมากนัก แต่ว่าฟิลลิ่งเปลี่ยนไปชัดเจน โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนโฟม Lightstrike Pro ให้มีความหนาขึ้น 13.8% จะมีผลแค่ไหนล่ะ

adidas Boston 13 เปิดตัวรองเท้ารองเท้าสายซ้อม ที่รองรับการทำความเร็วได้ระดับหนึ่ง การปรับโฉมครั้งนี้จะบอกว่าทำให้ Boston 13 เป็นมิตรมากขึ้นก็ว่าได้ แต่ความเป็นมิตรอาจจะไม่เท่ากระแสของ Evo SL ในตอนนี้ ซึ่งจริงๆ เราแทบจะยังไม่ได้ลอง Evo SL จริงจังเลย คงเทียบกันให้เห็นชัดๆ ไม่ได้ แต่ว่าตระกูล Boston ก็ถือว่าได้รับความนิยมไม่แพ้กัน

Boston 13 เปลี่ยนหน้าผ้าใหม่ แม้จะยังใช้ Engineered Mesh เหมือนเดิม แต่ลวดลายและการทอต่างไป รวมถึงการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งการรูร้อยเชือกใหม่ ไม่ต้องมีรูร้อยเชือกแยกแล้ว รวมถึงส้นเท้าก็ไม่พับแบบตระกูล adios Pro กลายเป็นส้นเท้าที่บุผ้าหนาๆ แทน ทำให้ภาพลักษณ์ลดจากความเป็นรองเท้าทำความเร็วไปเยอะเลย
แต่ส่วนที่ปรับชัดเจนคือโฟม Lightstrike Pro ที่เพิ่มปริมารความหนาขึ้น รวมถึงปรับลดความสูงลงจากเดิม Boston 12 ใช้ดรอป 7 มิล (ปลายเท้า 31 มิล ส้นเท้า 38 มิล) พอมาเป็น Boston 13 ดรอปเหลือ 6 มิล (ปลายเท้า 30 มิล ส้นเท้า 36 มิล) คั่นกลางด้วย Energyrod 2.0 ที่ใช้วัสดุไฟเบอร์พลาส

แม้โฟมตัวท็อปจะหนาขึ้น แต่ความสูงโฟมโดยรวมกลับเตี้ยลง ทำให้ฟิลลิ่งที่ได้ก็รู้สึกนุ่มตามไปด้วย แต่ความนุ่มนั้นยังมาพร้อมความเฟิร์มระดับหนึ่ง ที่ยังทิ้งไปไม่ได้ พื้นด้านล่างของ Boston 13 มีการปรับมาใช้แผ่นยาง LIGHTTRAXION ที่ใช้ครั้งแรกในรุ่น adios Pro 4 ควบคู่กับแผ่นยาง Continental เดิม ซึ่งน่าจะมาช่วยลดน้ำหนักลงแหละ แต่ก็อยู่ที่ประมาณ 263 กรัม (ไซส์ 9US) ถ้าเทียบกับรุ่นก่อนก็ถือว่าเพิ่มขึ้นมานิดนึงนะ
ฟิลลิ่งเราที่เราสัมผัสได้จาก adidas Boston 13 คือความนุ่มที่เพิ่มมากขึ้นชัดเจน แต่ก็ยังเป็นนุ่มเฟิร์ม ที่ค่อนข้างต่างจากความนุ่มในแบบของ Evo SL ที่เคยลองนะ แต่อย่างน้อยเรารู้สึกว่า Boston 13 เป็นมิตรมากขึ้น ใช้งานได้หลากหลายและทนทานเหมือนเดิมแน่นอน

ทว่ายังมีข้อน่ากังวลบางจุดที่เราเจอ (แต่คนอื่นอาจจะไม่เจอ) คือความเตี้ยของหน้าผ้า ทำให้ตัวผ้าดูกับด้านบนหลังเท้าของเราตลอดทาง แอบกวนใจเล็กๆ แต่พอถอดรองเท้าออกมาดูหลังวิ่งเสร็จ ก็มีตุ่มน้ำใสขึ้นบนหลังเท้าจากการเสียดสีเลย ซึ่งเราเป็นข้างซ้ายข้างเดียว ข้างขวาไม่เจอ แสดงว่าอาการนี้อาจจะมีผลเฉพาะกับคนหลังเท้าสูงก็ได้
รวมถึงอีกจุดคือการเจาะร่องโฟมข้างในเท้าให้เห็นแท่ง Energyrod 2.0 ทำให้เกิดอาการเท้าล้มในหน่อยๆ โดยเฉพาะเวลาเดินหรือยืนนิ่งๆ อาการล้มในเห็นชัดเลย แต่ตอนวิ่งก็รู้สึกปกตินะ ไม่ส่งผลอะไร โดยรวมเราคิดว่า Boston 13 ก็ยังเป็นรองเท้าวิ่งที่น่าใช้ ทุกคนใส่ได้มากกว่าที่คิด แม้จะวิ่งไปเกิน 10 กิโลแล้วยังรู้สึกถึงความเด้งจากโฟมได้อยู่เลย ใครเล็งๆ รองเท้าซ้อมที่ครบเครื่องอีกคู่ก็ลองดูได้เลย
adidas adizero Boston 13 ราคา 5,800 บาท
ซื้อได้ที่นี่