หลังจากปล่อยยาแรงตัวใหม่อย่าง Saucony Endorphin Pro 3 ที่ปรับลุค เปลี่ยนโฉมและปล่อยฟิลลิ่งใหม่ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหยิบรองเท้าตระกูลนี้ทั้ง 3 รุ่นมาเปรียบเทียบให้ฟัง ต้อนรับการวางขายอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ ชาวเพื่อนบ้านคนไหนเป็นแฟนตระกูลนี้แบบเราบ้าง เพราะ Endorphin Pro ทำให้เราจบมาราธอนแรก ส่วนใครได้ลอง Endorphin Pro 3 แล้วบอกหน่อยสิ รุ่นไหนคือที่สุด!
หน้าผ้า
เรียกได้ว่า Endorphin Pro 3 ให้ความสำคัญกับหน้าผ้ามากๆ ดูจากความละเอียดของการผลิตแล้ว ที่แบ่งผ้าเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือด้านสีชมพูและทอง ทอเป็นเส้นลายขวางด้านใน กับส่วนที่สองเป็นตาข่ายรูกว้างๆ ที่ไขว้กันไปมา ลักษณะโดยรวมบางโปร่ง สามารถมองทะลุด้านในได้ถ้าส่องผ่านไฟ ให้ความรู้สึกระยิบระยับดี และดูจะแข็งแรงกว่าผ้าถักทั้งสองรุ่นก่อนหน้ามากๆ ส่วนเรื่องระบายอากาศและน้ำนั้นยังไม่ค่อยเห็นผลต่างเท่าไหร่ ก็วิ่งเสร็จตัวชุ่ม รองเท้าเปียกเช่นเคย
Pro 3 > Pro > Pro 2
ลิ้นรองเท้า
การปรับเปลี่ยนลิ้นรองเท้าของ Endorphin Pro 3 ก็เรียกได้ว่าปรับลุคไปเลย ทั้งรูปทรงที่โค้งเว้ารับกับหลังเท้า และตรงขอบผ้าเป็นหนังนูบัคนิ่มๆ ต่อกับลิ้นเดิม ทำให้ไม่ระคายเท้าเลย (หนังนูบัคเคยใช้ตรงโลโก้ของ Endorphin Pro 2 แล้ว แต่ไม่ค่อยเห็นผล) รวมถึงยังมีการเจาะรู 3 ช่อง อันนี้ไม่แน่ว่าทำล้อกับโลโก้ หรือว่าช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นกันแน่ แต่มันสวยมากๆ ไปจนถึงดีไซน์โลโก้ Saucony ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะออกแบบมาได้ลงตัวสุดๆ ตัดสีกันสุดใจ
Pro 3 > Pro 2 > Pro 1
รูร้อยเชือก & เชือก
สิ่งที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่ลิ้น แต่เป็นรูร้อยเชือก ที่หากสังเกตดีๆ Endorphin Pro 3 ไม่ได้กลับไปใช้แบบรุ่นแรก แต่เป็นการลดทอนจำนวนรูและ รูเสริมออกไป และไปใช้รูพิเศษด้านหน้าสุดแทน
- Endorphin Pro 3 มีรูร้อยเชือก 5 รู แต่ทุกรูห่างกัน 2 เซนติเมตรพอดี (ใครสังเกตไหม?)
- Endorphin Pro 2 มีรูร้อยเชือก 5 รูเหมือนกัน รวมรูร้อยเชือกพิเศษสีเลือดหมู แต่ระยะสะเปะสะปะ ทำให้คนใช้ดึงแล้วเหมือนผ้าไม่ได้เรียบไปกับเท้าทั้งหมด
- Endorphin Pro มีรูร้อยเชือก 6 รู แต่ละรูห่างกันประมาณ 1.3 เซนติเมตรเท่ากัน
ไม่รู้ว่าระยะห่างของรูร้อยเชือกส่งผลกับความกระชับและการวิ่งมากน้อยแค่ไหน แต่เราถูกใจนะ นอกจากนี้ ตัวเชือกเองก็เปลี่ยนไปจากเดิม ไม่รู้ทำไมชอบเชือกแบบนี้รู้สึกรัดแล้วแน่นหนาดี ไม่คลายง่ายๆ
Pro 3 > Pro > Pro 2
ส้นเท้า
หากสังเกตดีๆ ทรงของส้นเท้า Endorphin Pro 3 จะคล้ายๆ กับ Pro 2 เลย เปลี่ยนจากการเย็บหนังด้านบน มาเป็นนูบัคยาว (น่าจะเย็บปิดทับเพื่อช่วยเสริมความแข็งแรง) และเปลี่ยนจากการใช้โครงซัพพอร์ตด้านในกว้างๆ เหลือแค่โครงตรงๆ และให้โฟมสีชมพูช่วยซัพพอร์ตแทน แถมยังยกส้นเท้าสูงกว่าเดิมมาก หากเทียบ 3 รุ่น Pro 3 > Pro > Pro 2 และมีร่องเว้าเล็กๆ ตรงกลาง รวมถึงสกรีนชื่อโฟมไว้ด้านหลังด้วย
- Endorphin Pro 3 ส้นเท้าเชิดกว่า และมีซัพพอร์ตมากกว่า ทั้งโฟมและโครงด้านใน
- Endorphin Pro 2 เชิดน้อยที่สุด มีหนังมาช่วยยึดเวลาใส่รองเท้า
- Endorphin Pro โฟมเชิดระดับกลาง แต่ส้นเท้ายืดสูงที่สุด
ต้องบอกเลยว่า เอาจริงๆ Endorphin Pro 3 ไม่ค่อยให้ความรู้สึกซัพพอร์ตส้นเท้าเท่าไหร่ อาจเป็นรองเท้าโฟมมันดีดตัวไว จนไม่ได้ใช้ส้นเท้าชักกลับมากนัก และอีกเหตุผลคือช่วงกลางเท้าที่กระชับกว่ารุ่นก่อนๆ ทำให้ส้นเท้าแทบไม่ได้ทำงานเลย
Pro > Pro 2 > Pro 3
พื้นรองเท้า
แม้จะใช้โฟมชื่อว่า PWRRUN PB เหมือนกันทั้ง 3 รุ่น แต่ฟิลลิ่งที่บอกเลยว่า Endorphon Pro 3 ต่างจาก 2 รุ่นก่อนหน้ามากกก ไม่ใช่เพียงแค่ความหนาที่เพิ่มขึ้นจนเกือบแตะเพดาน 40 มิลเท่านั้น
- Endorphon Pro 3 ปลายเท้า 31.5 มิล / ส้นเท้า 39.5 มิล
- Endorphon Pro & Pro 2 ปลายเท้า 27.5 มิล / ส้นเท้า 35.5 มิล
ยังให้ความรู้สึกนุ่มมากกว่าเดิม จากเดิมที่ความรู้สึกนุ่นแน่น ความแน่นที่มีลดลง เปลี่ยนเป็น ‘ความเด้ง’ แทน และเมื่อความสูงเพิ่มขึ้น สิ่งนึงที่หายไปคือฟิลลิ่งสัมผัสพื้น ที่ทำให้คนใช้รู้สึกมั่นใจเวลาลงน้ำหนัก กลับกลายเป็นเหยียบลงไปเจอแต่โฟม ก็คงเป็นเทรนด์ของรองเท้ายุคนี้ ที่อะไรๆ ก็สูงขึ้นๆ และน่าจะเป็นรองเท้าที่พื้นสูงที่สุดในค่ายนี้แล้วด้วย
ไม่พูดไม่ได้เลยคือการเจาะร่องโฟม เราเห็นตัวอย่างของ adizero adios Pro 3 ทำมาแล้ว การเจาะร่องพื้นจากจุดต่างๆ เพื่อหวังผลให้น้ำหนักรองเท้าลดลง ก็เป็นสิ่งที่หลายค่ายนิยมทำในยุคนี้ด้วย สุดท้ายคือแผ่นยาง ที่เคยใช้ลายก้างปลามาตลอดทั้งสองรุ่น ก็เปลี่ยนยางเป็นลายปุ่มไขว้ ไม่ต้องเซาะร่องแล้ว แต่ยาวเป็นแผ่น รวมถึงบริเวณส้นเท้าก็แยกเป็น 2 ชิ้นซ้ายขวา จะเห็นได้ว่าช่วงกลางเท้าไม่มีแผ่นยางอีกต่อไป (ไม่เห็นใจคนเท้าล้มแล้วน้า 55)
Pro 3 > Pro & Pro 2
น้ำหนัก
ส่วนสุดท้ายที่นักวิ่งหลายคนให้ความสำคัญคือ น้ำหนักตัว ต้องบอกว่าค่ายนี้เขาทำน้ำหนักมาดีทุกรุ่น เปิดตัวมา Endorphin Pro ก็ 230 กรัมเท่านั้น ในไซซ์ 9US และต่อมา Endorphin Pro 2 ก็เหลือเพียง 216.5. กรัม ที่เซอร์ไพรส์กว่าคือ Endorphin Pro 3 ที่หนาตาดูหนาขึ้น พื้นสูงขึ้น แต่น้ำหนักกลับลดลง! ทำได้ยังไง ฟิลลิ่งหลังใส่ก็รู้สึกว่าเบาขึ้นจริงๆ แต่พื้นสูงจนฟิลลิ่งสัมผัสพื้นแบบเดิมๆ หายไปด้วยแหะ
- Endorphin Pro 3 หนัก 203.6 กรัม
- Endorphin Pro 2 หนัก 216.5 กรัม
- Endorphin Pro หนัก 230.9 กรัม
Endorphin Pro 3 เปิดตัวด้วยสีสันกินขาด เพราะสีชมพูเป็นสีที่ไม่ค่อยมีคนอยากแตะ (ถ้าไม่นับ Vaporfly Next% ที่เคยทดลองมาก่อน) บอกได้เลยว่า Suacony ทำได้ดีมากๆ ด้วยการใช้สีชมพูตัดทอง เปิดกล่องมานี่เหมือนมีออร่าพุ่ง และแม้จะมีสิ่งที่เปลี่ยนไปจากรุ่นเดิมเยอะมาก แต่มี 2 สิ่งที่ไม่เปลี่ยนเลย คือ
1. กลิ่นโฟม ยังกลิ่นที่คุ้นเคย
2. สียังตกเหมือนเคยจ้า นักวิ่งหลีกเลี่ยงถุงเท้าสีขาวนะ ไม่งั้นไม่รอด
Endorphin Pro 3 ราคา 7,590 บาท