ใครได้ดูคลิปรีวิวรองเท้าวิ่งตระกูล Nike Pegasus ของเราไปแล้วบ้าง คลิปด้านล่างนี้เราเล่าถึงประวัติของรองเท้าตระกูล Pegasus ไปแบบกระชับแล้ว พร้อมเปรียบเทียบรองเท้าตระกูล Pegasus ในปี 2024-2025 ตั้งแต่ Pegasus 41 สายซ้อมใช้งานทั่วไป Pegasus Plus ปรับโฟม ZoomX เน้นทำความเร็ว และ Pegasus Premium ที่รวมเทคโนโลยีรองเท้าวิ่งของ Nike ไว้ในคู่เดียว จะเด็ดดวงสักแค่ไหน
อย่างแรกสุดต้องแนะนำรองเท้าวิ่ง Nike รุ่นกลางที่จัดระเบียบใหม่ให้เข้าใจก่อน Nike จะทำตลาดด้วย 3 รุ่นย่อยด้วยกัน คือ Pegasus ที่เป็นสายซัพพอร์ต เน้นการตอบสนองของโฟม Structure ที่เป็นซัพพอร์ตสายหนานุ่ม เน้นความมั่นคง และ Vomero จะเป็นสายซัพพอร์ตหนานุ่มที่สุด ซึ่งทั้ง 3 รุ่นนี้ยังแยกย่อยออกเป็นรุ่นธรรมดา รุ่น Plus เพิ่มความหนาเน้นการตอบสนองที่ดีขึ้นและรุ่น Premium ที่เป็นตัวท็อปเทคโนโลยีแน่นๆ นั่นเอง
โฟม
จะเห็นว่า Nike เปิดตัวตระกูล Pegasus ออกมาทั้ง 3 รุ่นย่อยที่เรารีวิวไปแล้วนั่นเอง และในปี 2025 Nike Structure และ Vomero ทั้งสามรุ่นย่อยจะทยอยเปิดตัวตามมา สำหรับ Pegasus Premium ในวันนี้ อย่างที่บอกว่าเป็นรองเท้าวิ่ง ที่รวมเทคโนโลยีการวิ่งของ Nike ไว้ในคู่เดียว โดยเฉพาะ Midsole ที่ประกอบด้วย ZoomX โฟมนุ่มเด้ง ตอบสนองดีสุด React X ที่มีเฟิร์มแน่น เน้นความมั่นคง และที่สำคัญที่สุดคือ Air Zoom รูปแบบใหม่
เขาว่า Air Zoom ใน Pegasus Premium เป็นครั้งแรกที่มาเต็มพื้นด้านล่างในรองเท้าวิ่ง และยังทำหน้าที่คล้ายกับแผ่นคาร์บอน ที่มีลักษณะ S Curve ดรอปความสูงลงจากส้นเท้า เพื่อช่วยทั้งความมั่นคงและการตอบสนองที่ดีตามไปด้วย ถ้ามองผ่านๆ Air Zoom มีลักษณะคล้ายกับ air pod ของ Alphafly 3 เลยทีเดียว แต่การตอบสนองยังไม่เท่า
หน้าผ้า
อีกจุดที่ทำให้เห็นว่า Nike ใส่ความพรีเมียมเข้ามาให้สมชื่อคือหน้าผ้า เพราะมันไม่ใช่ผ้า knit ธรรมดาแบบที่ Nike ใช้กับรองเท้าวิ่งรุ่นกลาง แต่เป็น Atomknit วัสดุหน้าเดียวกับที่ใช้ใน Alphafly 3 ซึ่งมีความบางกว่ารองเท้าซ้อมทั่วไป แต่แข็งกว่าผ้าของรุ่นท็อปค่อนข้างเยอะ จุดนี้อาจจะมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ
แต่สิ่งที่สะท้อนความใส่ใจรายละเอียดแฝงอยู่ในหลายๆ จุดบนหน้าผ้า เช่น ตำแหน่งที่ตั้งของบริษัท Nike หรือ Blue Ribbon Sport (BRS) ในชื่อแรกที่ก่อตั้งเมื่อปี 1967 ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น Nike ในปี 1972 ที่มีการย้ำ (กันคนสับสน) ไว้ที่ปลายเชือกด้วย นอกจากยังมีลิ้นเป็นรูปปีกม้าเพกาซัสที่ส้นเท้า วัสดุที่ใช้หลายชนิดมารวมกัน
หลังวิ่ง
เราลองใส่ Nike Pegasus Premium ทั้งเดินและวิ่ง รู้สึกว่าเป็นรองเท้ารุ่นนึงที่ไม่ได้เบานะ หนักประมาณ 293 กรัม (ไซส์ 9US) แต่กลับวิ่งได้ชิลมากๆ เราเอาไปใส่วิ่งเพซ 6 นิ่งๆ ประมาณ 10 กิโล แทบไม่ออกอาการ รู้สึกรองเท้ามันเด้งนิดๆ และไหลได้ดี โดยรวมโฟมยังมีความเฟิร์มอยู่ แต่ก็มียุบนิดของ Air Zoom ที่เป็นก้อนแบบนี้ แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นภาระเท้าเลย
กลับกันพอเอาไปใส่เดิน แดบรู้สึกว่ามันเป็นรองเท้าวิ่งที่ไม่ควรเอามาใส่เดินเลย เพราะมันมีอาการเหมือนเดิมบนอะไรบวมๆ แปลกๆ ใส่แล้วนึกถึงรุ่น VaporMax ที่เคยออกมาตอนปี 2017 ตอนนั้นเราก็แล้วเดินไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ตอนนี้ไม่ถึงขนาดไม่สบาย แต่มันแปลกๆ เอาไปใส่วิ่งเพลินๆ ดีกว่า
หากพลิกด้านล่างของตัวรองเท้าจะเห็นโฟมที่แหวกออกมาเจอพื้น Air Zoom ที่เป็นพลาสติกกักเก็บอากาศไว้ด้านใน ตำแหน่งก็ไม่ได้อยู่ใกล้พื้นมากนัก การยึดเกาะก็ทำได้ค่อนข้างดี ติดอยู่จุดเดียวคือ หน้าผ้า ที่บริเวณปลายเท้ารู้สึกมันต่ำไปนิดนึง เวลาวิ่งแล้วงอเท้าเพื่อถีบตัวไปข้างหน้า หน้าผ้ามันพับแล้วกดหลังเท้าหน่อยๆ ไม่ถึงกับแดง แต่แอบกวนใจนิดๆ เวลาวิ่งไปสักพัก เพราะตัวหน้าผ้าแม้จะบาง แต่ไม่ได้นิ่ม ออกแข็งนิดๆ เลย
รวมถึงเรื่องไซส์ เราใส่ตรงไซส์ได้ แต่ก็มีบีบช่วงกลางเท้านิดๆ แต่ใส่วิ่งไปสักพัก โฟมจะยุบตัวนิดๆ ทำให้ใส่ได้พอดี ไม่ต้องเพิ่มไซส์ ยังไงไปลองกันก่อนนะทุกคน เพราะปลายเท้าก็ไม่ได้กว้างเท่าไหร่ตามสไตล์รองเท้าวิ่ง Nike นั่นแหละ
Nike Pegasus Premium วางขายพร้อมกันทั่วโลกวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ส่วนประเทศไทย จำหน่ายผ่าน Iam247 ซึ่งจะมีจำนวนจำกัดแค่ 59 คู่ในสีแรก แต่จะมีสีอื่นทยอยตามมาแน่นอน ใครที่ชอบความพรีเมียม ทั้งเทคโนโลยีและประวัติศาสตร์ในตัวรองเท้าขนาดนี้ ต้องมีเก็บติดบ้านไว้สักคู่แล้วม้างง
Nike Pegasus Premium ราคา 7,600 บาท
ซื้อได้ที่นี่
