On Cloudboom Strike LS รองเท้าพ่นสเปรย์ เทคโนโลยีผลิตรองเท้าอนาคต

ถ้าใครจำได้เราเพิ่งเดินทางไปญี่ปุ่นมา เพื่อไปร่วมงาน On Labs TOKYO ในการเปิดตัวหุ่นยนต์ LightSpray ที่ใช้พ่นรองเท้า On Cloudboom Strike LS ตัวเป็นๆ พ่นกันให้เห็นจะๆ ตรงหน้า และนี่คือว่าที่ของกระบวนการผลิตรองเท้าวิ่งในอนาคต ที่จะช่วยลดปริมาณขยะเหลือใช้จากการผลิต ให้ใช้เส้นใยแค่เส้นเดียวทอหน้าผ้ารองเท้า ลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนจากการผลิตรองเท้าลงได้มาก แล้วการใช้งานจริงล่ะ หน้าผ้าเส้นใยจะทนทานจริงไหม (หลังจากลองใช้ครั้งแรกทำขาดไปแล้ว)

LightSpray

ก่อนอื่นขอเล่าถึงเทคโนโลยี LightSpray ก่อน จุดกำเนิดของมันเกิดขึ้นกับโปรเจกต์เล็กๆ ของนักศึกษามหาวิทยาลัย ที่ต้องการทดลองอะไรสักอย่าง เขาค้นพบเครื่องที่ใช้พ่นเส้นใย (คล้ายใยของสไปเดอร์แมน) ซึ่งเจ้าเครื่องนี่สามารถพ่นจนกลายเป็นโครงสร้างวัตถุได้ เลยนึกสนุกพ่นใส่เท้าตัวเองดู ปรากฏว่ามันเกิดเป็นเหมือนถุงพลาสติกที่ห่อหุ่มเท้าไว้ มีความแข็งแรงพอที่จะใช้ทำหน้าผ้ารองเท้าได้เฉย ไอเดียนี้โดนใจ On มากๆ ทีมงานเลยชวนหนุ่มคนนี้เข้ามาร่วมพัฒนาโปรเจกต์รองเท้าที่พ่นด้วยสเปรย์ตั้งแต่ปี 2018

หลังจากพัฒนาอยู่หลายปี หุ่นยนต์ต้นแบบสำหรับพ่นเส้นใยหน้าผ้ารองเท้าได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 2020 โดยสามารถพ่นใส่โมดูลเท้าโดยไม่ต้องใช้กาวเชื่อมกับพื้นโฟม กระบวนการนี้ใช้เวลาแค่ 3 นาที (ตัวเลขที่เขาเคลมไว้) แต่ที่ On Labs TOKYO เราลองทดสอบลองจับเวลาเล่นๆ ปรากฏว่าใช้เวลาประมาณข้างละ 7 นาทีเลยทีเดียว ทั้งนี้ทีมงานเขาบอกว่า Labs อันนี้เป็นแบบจำลองที่ทำขึ้นมาเลียนแบบ ของจริงจะไม่ได้เป็นแบบนี้เป๊ะๆ แต่จะใหญ่กว่านี้เยอะ

นอกจากนี้เรายังได้เจอกับคุณ Olivier Co-Founder ของแบรนด์ On เล่าว่ากระบวนการนี้จะช่วยเปลี่ยนภาพลักษณ์อุตสาหกรรมการผลิตรองเท้าวิ่งได้เลย โดยอาศัยเพียงเส้นใยเส้นเดียวที่ยาวกว่า 1.5 กิโลเมตร ทอขึ้นเป็นหน้าผ้ารองเท้า การบวนการทอนี้ช่วยลดชิ้นส่วนของรองเท้าวิ่งทั่วไปที่เขาว่ามีประมาณ 34 ชิ้น ให้เหลือเพียง 7 ชิ้น ปริมาณเส้นใยเหลือทิ้งยังสามารถนำไปรีไซเคิลได้อีก แถมยังลดปริมาณคาร์บอนที่เกิดจากการผลิตลงได้อีก ก๊าซที่เกิดขึ้นจะถูกควบคุมในห้องกระจกและกำจัดในรูปแบบต่างๆ เพื่อลดการส่งออกคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศให้ได้มากที่สุด

คุณ Olivier เล่าว่าข้อดีของการใช้ LightSpray คือสามารถลดระยะเวลาในการพัฒนารองเท้าวิ่งลงไปได้มาก เพราะเมื่อหุ่นยนต์ LightSpray พ่นหน้าผ้ารองเท้าเสร็จในเวลาไม่กี่นาที นักวิ่งอีลิตสามารถนำไปใส่วิ่งแล้วมาฟีดแบ็กให้ทีมพัฒนาแก้ไข และอีกวันก็สามารถรับรองเท้าที่ปรับแก้มาแล้วเอาไปทดสอบต่อได้เลย ซึ่งจะยิ่งทำให้การพัฒนารองเท้ารุ่นใหม่ๆ ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และตรงตามความต้องการของแต่ละคนมากขึ้นตามไปด้วย

On Cloudboom Strike LS

สิ่งที่ได้จากคือ LightSpray เส้นใยหน้าผ้าที่มีน้ำหนักแค่ 30 กรัม จากตัวเลขน้ำหนักรองเท้า 194 กรัม (ไซส์ 9.5US) ซึ่งถูกนำมาทดลองใช้กับรองเท้า On หลากหลายรุ่น ที่ On Labs TOKYO เขาเอารองเท้าต้นแบบที่ใ่ช้ LightSpray มาให้ชมหลายรุ่นเลย ตั้งแต่ Cloudboom Echo, Spike shoes ไปจนถึงโปรเจกต์ Cyclone ที่เป็นรองเท้ารีไซเคิลก็ถูกนำไปใช้กับ LightSpray เช่นกัน และที่ขาดไม่ได้เลยคือ On Cloudmoster 3 LS ที่คุณ Olivier Co-Founder ของ On ใส่โชว์มาขิงในงานนี้ด้วย เขากระซิบว่า ปี 2026 จะเริ่มวางขาย

แต่รอบนี้เป็นวันเปิดตัวสีใหม่ของ On Cloudboom Strike LS ต้อนรับ On Labs TOKYO ในโทนสีชมพูส้ม รองเท้าวิ่งตัวท็อปจาก On ที่มีน้ำหนักเบาต่ำกว่า 200 กรัม มาพร้อมโฟมตัวท็อป Helion HF (Hyper Foam) คั่นด้วยแผ่นคาร์บอน Speedboard ที่ดูธรรมดา แต่ว่าอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสูงสุดเท่าที่ On มี ณ เวลานี้

ฟิลลิ่งหลังวิ่ง

หลังลองใช้ On Cloudboom Strike LS มาหลายขนาน ทั้งวิ่งสั้น วิ่งไกลสุดประมาณ 17 กิโล พบว่าฟิลลิ่งแทบไม่ต่างกัน คือโฟม Helion HF ค่อนข้างแน่นเด้งมากๆ ฟิลเหมือนกดลงไปบนแผ่นโฟมที่แน่นสุดๆ และพร้อมจะเด้งออกตลอดเวลา ความรู้สึกของโฟมกิโลแรกเป็นอย่างไร กิโลที่ 17 ก็ยังคงรู้สึกแบบนั้น แทบไม่มีการยุบตัวของโฟมเลย คงประสิทธิภาพดีมากๆ และทางใช้งานยาวๆ ได้ยันมาราธอน ถ้าขาแข็งแรงพอ

ฟิลลิ่งตอนสวม On Cloudboom Strike LS โดยเฉพาะกิโลแรกๆ จะรู้สึกว่ารองเท้ามีพลังมาก ถ้าคุมเพซไม่ดีมีแตก ถือว่าเป็นรองเท้าที่แรงจัดๆ คู่หนึ่งเลย และตอนที่เราไป Labs เขาให้เราทดสอบการกระโดดบนรองเท้ารุ่นนี้ ทั้งกระโดดขาเดียวและกระโดด 2 ขา ทำให้เห็นว่าโฟม Helion HF ช่วยแรงสปริงได้ดีจริงๆ ดูจากภาพด้านล่าง แม้รับน้ำหนักขาเดียว แต่โฟมแทบไม่ยุบตัวเลย พร้อมเด้งส่งตลอดเวลา

หลายคนถามถึงความกระชับของหน้าผ้า เพราะตัวรองเท้าไม่มีเชือกผูกให้แน่น แต่จะบอกว่าค่อนข้างกระชับดีเลย โดยเฉพาะบริเวณช่วงกลางเท้า แนะนำให้เลือกไซส์ที่กระชับแบบพอดีๆ ไม่แน่นจนเกินไป เราใส่ 9US ปกติพบว่ากลางเท้าแน่นมาก ซึ่งตัวเส้นใย LightSpray นี้ลองใช้มาหลายครั้ง มันไม่ค่อยขยายจากวันแรกเท่าไหร่นัก ฉะนั้นเลือกให้พอดีแต่แรก ไม่ต้องเลือกเผื่อขยายเหมือนรองเท้าวิ่งปกตินะ เราขยับมาใส่ 9.5US จะกระชับแบบพอดี สบายเท้ากว่า

ส่วนวิธีการการใส่ เราหลีกเลี่ยงไม่ให้ใช้การดึง เพราะเสี่ยงที่จะขาดได้แบบเรา รวมถึงใครที่เล็บยาวๆ ตัดก่อนก็ดีนะ มันบาดเส้นใยได้ง่ายๆ การสวมใช้วิธีการสอดนิ้วเข้าไปแล้วแหวกออกแทน จะยัดปลายเท้าเข้าไปให้สุดก่อนก็ได้ แล้วค่อยใช้นิ้วสอดด้านข้าง ตวัดอ้อมมาทางส้นเท้าให้ผ้าหุ้มส้นให้ได้ เท่านี้ก็เรียบร้อย ถ้าฝึกให้ชินจะถือว่าไว้มาก เข้าใจเลยว่าทำไมไตรกีฬาถึงชอบรุ่นนี้กัน เพราะจังหวะลงจากจักรยาน ถอดครีตแล้วเปลี่ยนมาสวมรองเท้า แค่ตวัดนิ้วให้เข้าส้นก็วิ่งต่อได้เลย

โดยรวมเราว่า On Cloudboom Strike LS เป็นรองเท้าที่ดีนะ แม้จะบอบบางไปหน่อย แต่ว่าเป็นรุ่นที่มอบประสบการณ์สำคัญครั้งนึงในชีวิตให้กับเราด้วย รวมถึงประสิทธิภาพของตัวเองก็เกินราคาไปมาก เทคโนโลยีที่ให้มาก็เป็นทิศทางใหม่ของการผลิตหน้าผ้ารองเท้าวิ่งพอดี เราคงได้เห็นทิศทางของ LightSpray ต่อไป ที่เขาว่าจะกระจายให้เป็นเทคโนโลยีสำหรับทุกคน ในทีนี้คือทุกคนเข้าถึงได้ ในราคาจับต้องได้นั่นเอง เราก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น เริ่มจาก On Cloudmonster 3 LS ปี 2026 ก่อนเลย

On Cloudboom Strike LS ราคา 44,000 เยน (ประมาณ 9,500 บาท)