ในที่สุดก็จะหมดยุค สีใหม่ตลอดไป เสียที และเราก็จัด adidas adizero adios Pro 4 มารีวิวให้สมใจอยาก ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกที่รีวิวรูปแบบวิดีโอออกมาก่อนบทความรีวิว ใครชอบรับชมกดดูด้านล่างได้เลย แต่รอบนี้มาเก็บตกหลังจากเอาไปวิ่งลองรัน 15 กิโลมาอีกที ก็ยังยืนยันว่า adios Pro 4 เป็นรองเท้าวิ่งที่ต้องมีในปี 2025 เพราะว่ามันเปิดตัววันที่ 2 มกราคม 2025 นะ
หน้าผ้า
adios Pro 4 ปรับปรุงหน้าผ้าใหม่ที่มีลักษณะเหมือนยางยืด นอกจากสีเทาตัดแดงที่เหมือนอุลตร้าแมนแล้ว วัสดุหน้าผ้ายางยืดยังให้ความรู้สึกเหมือนสวมชุดยางของอุลตร้าแมนเข้าไปอีก แต่ข้อดีคือมันสบายขึ้นเยอะเลยครับ ใครจำภาพ adios Pro 3 ได้ หน้าผ้าจะมีความแข็งๆ เหมือนวัสดุสังเคราะห์หน่อย เลยเจออาการบาดเท้ากันไป แต่รอบนี้วัสดุนิ่มและลื่นขึ้น น่าจะลดอาการเสียดสีที่หลายคนเจอกันได้นะ
เสริมด้วยการที่เขาปรับตัวลิ้นให้มีแข็งขึ้นแล้วเย็บลิ้นติดกับหน้าผ้า ช่วยกันไม่ให้ดิ้นไปมา (เหมือนเคสที่เจอกับ apex beat Swift และเขาแก้ในสีต่อๆ มาทันที) สังเกตรอยเย็บตรง 3 แถบสีแดง นั่นแหละคือรอยเย็บลิ้นให้ติดกับหน้าผ้า และเทคโนโลยี Lightlock ที่น่าจะช่วยจุดที่เสียดสีเท้าของหลายคน ด้วยการแทนที่วัสดุนิ่มขึ้น จึงมีแค่ความสบายล้วนๆ เลย
โฟม
adios Pro 4 ยังคงใช้โฟมชื่อ Lightstrike Pro ที่คาดว่าจะปรับสูตรเล็กน้อย ให้มีความนุ่มมากขึ้น ที่สำคัญตอบสนองได้ดีขึ้นด้วย แต่คิดว่าความนุ่มและการตอบสนองที่เพิ่มมา น่าจะแลกมาด้วยความทนทานที่ลดลง เพราะโฟมมีการยุบตัวง่ายขึ้น อาจจะไม่ทนมือทนเท้าเท่ากับ adios Pro 3 อันนี้ต้องดูกันระยะยาว
adios Pro 4 ยังใช้ Energyrods 2.0 เหมือนเดิม แต่มีการปรับความสูงของตัวรองเท้าเป็น ดรอป 6 มิล (ปลายเท้า 33 มิล ส้นเท้า 39 มิล) ในขณะที่ adios Pro 3 ดรอป 6.5 (ปลายเท้า 33 มิล ส้นเท้า 39.5 มิล) ความสูงที่หายไป 0.5 มิล คิดว่าเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้น้ำหนักตัวลดไปกว่า 20 กรัม เราลองชั่งดูพบว่า adios Pro 4 หนัก 203 กรัม (ไซส์ 9.5US) ส่วน adios Pro 3 หนัก 207 กรัม (แต่ไซส์ 9US) แต่ว่าความต่างของน้ำหนักเวลาวิ่งจริงแทบไม่ต่าง เพราะรองเท้าเด้งขึ้นจึงไม่รู้ว่าที่ตอบสนองดี เพราะมาจากความเบาหรือความเด้งกันแน่
หลังวิ่ง
หลังจากลองใส่วิ่งมา 2-3 ครั้ง ระยะประมาณ 40 กิโล พบว่า adios Pro 4 มีความรู้สึกคล้ายๆ กับ adios Pro 3 อยู่ไม่น้อย แต่มีการยกระดับความนุ่มเด้งขึ้นอีกขั้น โดยเฉพาะความสบายในการวิ่งเพิ่มขึ้นชัดเจน กดปลายเท้านี่ได้ความนุ่มเด้งเต็มๆ แต่ว่าความนุ่มที่เพิ่มว่าพอใช้ไปสักพักก็เริ่มหดหายเหมือนกัน ยิ่งผ่าน 10 กิโลไปเริ่มมีอาการร้อนฝาเท้าด้านล่างมาหน่อยๆ แต่ไม่มาก
แต่ว่าเรากลับเจออาการส้นกัดบริเวณเหนือเอ็นร้อยหวาย ซึ่งไม่เคยเจอใน adios Pro 3 แต่ก็ใช้วิธีใส่ถุงเท้าหนาๆ อย่าง Brooo ก็ช่วยได้เลย ว่าจะลองวิธีการเปิดส้นพับของ adios Pro 4 ดูด้วยว่าพอช่วยได้ไหม
เขาแอบใส่กิมมิกไว้ข้างใต้ด้วยข้อความว่า ‘This Too Shall Pass’ หรือพูดง่ายๆ ว่า เดี๋ยวมัน (ความเจ็บปวด) ก็ผ่านไป ช่างเหมาะกับการใส่หวดลงมาราธอน ให้ร่างกายซึมซับความปวดร้าวจริงๆ ลืมบอกไปว่าสีนี้เป็นสีคอลเลกชัน Ekiden 2025 ที่วางจำหน่ายก่อนกำหนด แต่สีเปิดตัวจริงๆ ของ adios Pro 4 คือวันที่ 2 มกราคม 2025 เด้อ
อีกจุดที่เราสัมผัสได้คือ เขาปรับช่วงกลางเท้ามาให้มั่นคงขึ้น คือ adios Pro 3 หลายคนอาจประสบปัญหาเท้าล้มบ้าง (แต่ผมไม่เป็นนะ) ซึ่งพอมาใส่ adios Pro 4 รู้สึกเลยว่ากลางเท้าแน่นขึ้น ลงได้มั่นใจขึ้น แต่ว่าต้องให้คนที่เคยล้มลองใส่ดูก่อน ไว้คงได้มาอัปเดตอีกที ซึ่งใครที่พลาดรอบนี้ไปไม่เป็นไรเลย มันยังมีอีกหลายสีให้คุณจับจอง แต่บอกเลยว่าของมันดีจริงๆ
adidas adizero adios Pro 4 ราคา 8,000 บาท
ซื้อได้ที่นี่