ไม่คิดเลยว่าจะได้จับคู่จริงของ Nike Alphafly 3 หลังจากที่เราเห็นนักวิ่งอีลิต ใส่ลงแข่งมาราธอนมาแล้วหลายคน โดยเฉพาะเฮีย Kipchoge ที่กลับมาคว้าแชมป์ Berlin Marathon 2023 ได้สำเร็จ และ Kiptum ที่ทำลายสถิติโลกระยะมาราธอนได้ด้วยรองเท้าคู่นี้ เราจึงตัดสินใจได้ไม่ยากว่าทำไมคู่นี้ต้องมี
ก่อนอื่นขอเล่าถึงความดีงามของ Alphafly 3 ก่อนว่า เป็นคู่ที่ Eliud Kipchoge กลับมาคว้าแชมป์ Berlin Marathon 2023 ไปได้ด้วยเวลา 2:02:41 ชั่วโมง แม้ไม่ทำลายสถิติของตัวเอง แต่ก็ยืนยันในเรื่องประสิทธิภาพของรองเท้าคู่นี้ได้ดี หลังจากแกดูจะไม่ค่อยมั่นใจในรุ่น Alphafly 2 เท่าไหร่
และอีกเหตุผลสำคัญคือการทำลายสถิติโลกระยะมาราธอนของ Kelvin Kiptum ที่ Chicago Marathon 2023 สนามที่ไม่ได้มีการทำ WR มานานแล้ว เพราะลมค่อนข้างแรง แต่วันนี้เขาทำได้ด้วยเวลา 2:00:35 ชั่วโมง เร็วกว่า Kipchoge 34 วินาที เป็นเวลาที่ยากจะทำลายสถิติได้ แถมยังขยับเข้าไปใกล้กำแพงมาราธอนที่ 2 ชั่วโมงได้อีกด้วย การันตีความแรงของ Alphafly 3 ได้อีกเสียง
วัสดุ
ต้องบอกก่อนว่าเราไม่เคยใช้ตระกูล Alphafly มาก่อน ทำให้นี่จะเป็นครั้งแรกที่ได้จับรองเท้ารุ่นท็อปของ Nike หลังจาก Vaporfly รุ่นแรกนั่นเอง ซึ่งต้องบอกว่าไม่ได้ซื้อรองเท้าวิ่งแพงขนาดนี้มานานแล้วเหมือนกันแหะ (ราคาป้าย 9,400 บาท) สัมผัสแรกคือ เหมือนของปลอมเลยวะ! เพราะวัสดุโฟมของ Alphafly 3 อย่าง ZoomX ให้ความรู้สึกเหมือนโฟมแข็งๆ ยับ ๆ เหมือนงานไม่เสร็จ แถมสีโลโก้ swoosh ก็ยังเลอะมาถึงชั้นโฟม แต่นี่แหละคือสิ่งการันตีว่าคือของแท้ นักวิ่งเขารู้กัน
สีนี้เป็นสีพิเศษ Proto หรือ Prototype ที่มีรหัสรุ่นทดสอบสกรีนไว้ที่รองเท้าด้วย ตัว midsole มาพร้อม Airpods 2 ลูกที่ขยับมากลางเท้ามากขึ้น ลองเหยียบๆ ดูก็รู้สึกว่าแข็งกว่า และเด้งน้อยกว่า แตกต่างจากโฟม ZoomX เพียวๆ ที่ส้นเท้าค่อนข้างชัด หน้าผ้าถักของ Alphafly 3 กระชับและบางจนถือว่าใส่ยากมากๆ คู่นี้ สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้คือเวลาสวมตรงไซส์ (9US) แล้วจะเหลือปลายเท้าประมาณครึ่งนิ้วโป้ง แต่พอวิ่งจริงๆ รู้สึกปลายเท้าแอบชนหน่อยๆ ทำให้รู้สึกว่าถ้าขยับเพิ่ม 0.5 ไซส์น่าจะสบายขึ้น
ฟิลลิ่งหลังวิ่ง
ฟิลลิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความแข็งช่วงปลายเท้าของแผ่นยางและ Airpods ซึ่งแตกต่างจากความนุ่มเด้งของโฟม ZoomX ล้วนๆ ที่ส้นเท้าชัดเจน แม้ความเด้งของรองเท้าจะสัมผัสได้ แต่ความพุ่งไปข้างหน้าอาจจะไม่มากเท่า Rebellion Pro 2 ที่เราเคยลองไป แต่จุดเด่นของ Alphafly 3 คือความเบาเพียง 198 กรัม (ไซส์ 9US) ทำให้วิ่งได้เพลินๆ ในย่านความเร็วเพซ 5-6 (เท่านี้ขอแรงของฉันแล้ว)
จุดที่ติดของ Alphafly คงเป็นเรื่องปลายเท้าชน แม้ตอนสวมจะรู้สึกกระชับพอดี มีพื้นที่ปลายเท้าเหลือๆ แล้วนะ แต่พอวิ่งจริงปลายเท้ากลับชนเท้าแล้วกวนใจเล็กน้อยเวลาวิ่ง กับอีกเรื่องคือต้องใช้สมาธิค่อนข้างมากเวลาวิ่ง โดยเฉพาะพยายามไม่ให้ลงน้ำหนักที่ส้นเท้า เพราะแทบไม่มียางซัพพอร์ต แล้วโฟมอาจสึกได้ง่ายๆ นี่เอาไปวิ่ง 2 ครั้งก็เริ่มมีรอยสึกแล้ว โดยรวมเป็นรองเท้าประสิทธิภาพสูงที่คนวิ่งก็ต้องมีแรงใกล้เคียงกัน จึงจะดึงพลังของรองเท้าออกมาได้ คงมีโอกาสหยิบมาใส่แข่งบ้าง แต่ให้วิ่งทุกวันอาจยังไม่ไหว
Nike Alphafly 3 ราคา 9,400 บาท