หลังจาก Asics เปิดตัวตระกูล METASPEED Sky Paris และ Edge Paris ที่มาพร้อมจุดเด่นของความเบาระดับ 180 กรัม ก็ทำให้ทุกคนตื่นตาตื่นใจกับความเอาจริงของ Asics และในที่สุดเราก็จะได้รีวิวจริงๆ เสียที ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าคงนำเสนอในมุมของคนที่ไม่เคยลองตระกูลนี้มาก่อนเลย อาจจะแวะเวียนไปรุ่นรองอย่าง Superblast หรือ Novablast 4 มาบ้าง แต่นี่คือฟิลลิ่งแรกของ METASPEED ล้วนๆ
Asics METASPEED Sky Paris ที่เราได้มา เดือดตั้งแต่คู่สี เพราะเขาใช้สีเหลืองตัดแดงโต้งๆ และค่อยๆ ไล่เฉดไปตามสไตล์ METASPEED ทุกรุ่นก่อนหน้านี้ เรายอมรับว่าเขาออกแบบสีดีทุกรุ่นย่อยเลย ซึ่งอย่างที่รู้กันว่า Sky คือรองเท้าที่ออกแบบมาสำหรับคนก้าวยาว และ Edge สำหรับคนที่รอบขาจัด จริงเราน่าจะถูกสเปกกับคู่หลังมากกว่า แต่พอมาวิ่งจริงๆ แล้ว METASPEED Sky Paris มันเข้าเท้าเอาจริงแหะ
การมาของโฟมใหม่ FF Turbo+ ที่เขาว่านุ่มกว่ารุ่น METASPEED+ แบบชัดเจน ซึ่งเราก็สัมผัสได้ตั้งแต่แว่บแรกที่ใช้ แต่ที่โดดเด่นมาก่อนคือความเบา ที่หนักเพียง 180 กรัม (ไซส์ 9US) ต้องบอกว่าโฟม FF Turbo+ ทำมาดีจริงๆ มีความนุ่มเด้งแบบเดียวกับโฟม Peba ควรจะเป็น แต่แอบมีความปลิ้นเวลาใส่วิ่ง จังหวะเลี้ยวอยู่บ้าง คือตัวรองเท้าค่อนข้างเรียวอยู่แล้วแหละ เวลากดน้ำหนักลงไปจึงมีอากาศแกว่งบ้างนิดๆ แต่ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่
นอกจากกิมมิกข้างเท้าที่ใช้บอกตำแหน่งของแผ่นคาร์บอน และใช้แยกรุ่น Sky (สัดส่วนสีดำและสีแดงจะครึ่งๆ) และ Edge (สัดส่วนสีดำจะมากกว่า บ่งบอกตำแหน่งแผ่นคาร์บอนเอนลงมาต่ำกว่านั่นเอง) ได้แล้ว ตัวพื้นยางยังใช้แยกรุ่น Sky ที่เป็นพื้นสีแดงตามรูป และ Edge ที่เป็นพื้นดำได้อีกด้วย การใส่แผ่นยางมาให้เกือบเต็มแผ่น ก็ช่วยยืดระยะการสึกหรอของโฟมได้ดีขึ้นตามไปด้วย
รองเท้าตระกูลนี้มีผู้หยิบไปใส่ใน Paris Olympics 2024 หลายราย โดยเฉพาะไตรกีฬาก็มีนักวิ่งสวม METASPEED SKy Paris และ Edge Paris คว้าเหรียญทองแดงมาเช่นกัน ส่วนตัวหลังจากการใช้งานมาสักพัก เรารู้สึกว่าเป็นรองเท้าที่เบาและมีเทคโนโลยีครบตามที่รองเท้าคาร์บอนควรจะเป็น ทั้งฟิลลิ่งนุ่มเด้ง ที่มาพร้อมการตอบสนองทันใจ และการระบายอากาศได้ดี ถึงขนาดกล้องส่องมองทะลุหน้าผ้าได้อีกด้วย
เราลองวิ่งด้วย METASPEED SKy Paris ในสไตล์ก้าวยาวๆ พบว่าจริงๆ มันก็ไม่ได้ออกอาการชัดว่า ทำมาเพื่อคนก้าวยาวขนาดนั้น แต่จังหวะที่เราก้าวออกไปแล้วชักเท้ากลับ รู้สึกว่ารองเท้ามันช่วยดึงกลับได้เล็กน้อย ส่วนพอลองวิ่งรอบขาถี่ๆ ก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างอะไรมากนัก แม้จะวิ่งช้าลงประมาณเพซ 7-8 มันก็ยังใช้งานได้ดี ความนุ่มเด้งมาครบ แต่อาการโฟมปลิ้นจะออกเยอะกว่าเวลาวิ่งสับเร็วๆ เพราะเท้าเราแช่ที่พื้นนานกว่านั่นเอง ดังนั้นถ้าถามว่าเหมาะกับใคร คิดว่าเหมาะกับวันที่วิ่งเร็วหรือวันแข่งจะสนุกกว่านะ
แต่ส่วนที่เราติดอยู่คือเรื่องไซส์ เนื่องจากเราเลือกไซส์ปกติที่เราสวมใส่ 9US แต่พอมาใส่ Asics METASPEED Sky Paris กลับพอว่ามันพอดีเท้าแบบพอดีเลย ทำให้เวลาวิ่งด้วยรองเท้าวิ่งที่มีดรอป ตัวเท้าด้านในจะเทไปที่ปลายเท้ามากขึ้น ทำให้แอบชนปลายเท้าระหว่างวิ่งอยู่บ้าง จึงแนะนำว่าใครเท้ากว้างหรือเท้ายาวกว่าปกติควรจะเผื่ออย่างน้อย 0.5 ไซส์ เพื่อความสบายเท้าและสบายใจขึ้นละนะ
อีกส่วนคือความบอบบางสไตล์โฟม Peba ที่จับกดแล้วนุ่มเด้งคืนมาทันที แต่เวลาที่โดนอะไรบาด หรือกิ่งไม้ตำก็ทำเป็นรอยได้ง่ายๆ ฉะนั้นจะใส่ METASPEED SKy Paris ไปเดินมั่วๆ ไม่ได้นะ ต้องระมัดระวังนิดหน่อย อ่อ แล้วอย่าใส่ไปเดินเด็ดขาด มันเมื่อยเท้ามาก เราลองมาแล้ว จำให้ดีเลยว่ารองเท้าคาร์บอน ไม่ใช่รองเท้าใส่เดินเที่ยวเด้อ
Asics METASPEED Sky Paris ราคา 8,700 บาท