ในที่สุด Nike ตระกูล Vaporfly ก็เดินทางมาถึง Vaporfly 4 หลังจากที่เปิดตัวรุ่น Nike Vaporfly 3 มาสักพักใหญ่ เราเองก็เพิ่งได้ลองและรีวิวในคอลเลกชัน Ekiden ที่ผ่านมานี้เอง ทำให้ Vaporfly 4 ถือเป็นความหวังใหม่ของรองเท้าวิ่ง Nike พร้อมความคาดหวังว่าจะกลับมาทวงบัลลังก์ได้หรือไม่
Nike Vaporfly 4 สีนี้เป็นคอลเลกชัน Proto เช่นเดียวกับ Alphafly 3, Pegasus 41 รวมถึง Streakfly 2 ที่เพิ่งขายแบบไวๆ ในออนไลน์ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แทนด้วยรหัสของรุ่นทดสอบในเวอร์ชันสุดท้ายก่อนวางขายจริง
ตัว Vaporfly 4 ยังคงมาพร้อมกับโฟม ZoomX ที่เจาะร่องโฟมตั้งแต่ช่วงกลางถึงส้นเท้าให้เห็นแผ่นคาร์บอน Flyplate ซึ่งถือว่าเป็นร่องยาวกว่า Vaporfly 3 เดิมค่อนข้างเยอะ น่าจะเบาขึ้นเยอะเลยทีเดียว น้ำหนัก 167 กรัม (ไซส์ 9US) ถือเป็นรุ่นที่เบาที่สุดในตลาดรองเท้าคาร์บอนที่เราเคยจับมาแล้วนะเนี่ย
ฟิลลิ่งหลังวิ่ง
สิ่งแรกที่ประทับใจคือโฟม ZoomX ได้เปลี่ยนไปแล้ว Nike น่าจะปรับสูตรโฟมใหม่ให้ตอบสนองได้ดีขึ้นกว่า Vaporfly 3 มากๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับโฟม ZoomX ให้เตี้ยลง 5 มิล จากเดิมดรอป 8 มิล (ปลายเท้า 32 มิล ส้นเท้า 40 มิล) เหลือเพียงดรอป 6 (ปลายเท้า 29 มิล ส้นเท้า 35 มิล) รวมถึงการเจาะร่องใต้เท้าให้ยาวขึ้น ทำให้มีส่วนในการช่วยบีบตัวของโฟม ไปจนถึงการปรับช่วงเว้าที่สุดของพื้นที่ใต้เท้าให้แคบสุด 4.5 เซน (จากรุ่นเดิม 5 เซน)
การปรับเปลี่ยนทั้งหมดช่วยให้ ตอบสนองได้ดีขึ้น สัมผัสความนุ่มเด้งของโฟม ZoomX ได้ดี ฟิลคล้ายๆ กับโฟม ZoomX ใน Alphafly 3 ที่นุ่มขึ้น มีน้ำหนักเบาชัดเจน ทำให้รองเท้าติดเท้ามากขึ้น พริ้วกว่าคู่ไหนๆ แถมโฟมไม่ปลิ้นไปมาเวลาวิ่งช้า แต่กลับแน่นกว่าที่คิด อาจจะเป็นเพราะเราไปวิ่งด้วยความไม่คาดหวัง จึงยิ่งรู้สึกประทับใจตั้งแต่วันแรกที่ได้ใส่วิ่ง รวมถึงส่วนที่เว้าลึกขนาดนั้น ยังไม่เกิดอาการโคลงเคลงเท่าไหร่นัก
สุดท้ายแม้ Vaporfly 4 จะวิ่งได้สนุกอย่างไร เราก็รู้สึกว่ามันเหมาะจะเป็นรองเท้าทำความเร็ว ไม่เหมาะจะนำมาใส่วิ่งช้าๆ เพราะอาจทำให้โฟมมีจังหวะยุบตัวนาน และด้วยพื้นที่เว้าใต้เท้าค่อนข้างมาก มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน จึงเหมาะกับวันซ้อมก่อนแข่ง เพื่อเติมความมั่นใจ ก่อนจะไปลงแข่งจริงด้วยรองเท้ารุ่นนี้อีกครั้ง
Nike Vaporfly 4 ราคา 8,500 บาท
ซื้อได้ที่นี่
