ในที่สุดรองเท้าวิ่งรุ่นสุดท้ายของ HOKA ปี 2024 ก็มาถึง นั่นคือ HOKA Mach X 2 เป็นคู่เดียวกับที่เราเห็นงาน Running Event ช่วงปลายปีที่แล้ว ในที่สุดเราก็ได้ลองสักที ต้องบอกว่า Mach X 2 ฟิลลิ่งเปลี่ยนจาก Mach X เดิม เหมือนกับรองเท้าคนละรุ่น จนไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อนดี
หน้าผ้า
นี่น่าจะเป็นสิ่งที่เราชอบที่สุดของรองเท้ารุ่นนี้คือหน้าผ้า ที่ไม่ใช่ผ้าเมซสังเคราะห์แบบเดิมใน Mach X แต่ Mach X 2 ปรับผ้าเป็นตาข่ายที่บาง เหมือนรองเท้าสายแข่งรุ่นอื่นๆ ส่วนที่สองที่ชอบเหมือนกันคือเชือก จะมีความเหมือนไหมพรมหน่อยๆ หนากว่าเชือกปกติ ผูกแล้วก็แน่นดี
โฟม
Mach X 2 ยังคงเป็นรองเท้า Super Trainer สายผสม ที่ใช้โฟม Peba ตัวท็อปนุ่มเด้งไว้ชั้นบน คั่นด้วยแผ่น Pebax ตรงกลาง ด้านล่างเป็นโฟมที่เฟิร์มแน่นอย่าง EVA ที่มีความหนาบวมกว่ารุ่นก่อนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะบริเวณปลายเท้าที่มีความบานออกมาเพื่อช่วยซัพพอร์ต รวมถึงรูปทรง Meta Rocker โค้งนิดๆ ที่มาช่วยกลิ้งได้หน่อยๆ
ดรอปและน้ำหนัก
หากใครเห็นหน้าตาของ Mach X 2 ก็คงพอจะเดาได้ว่าโฟมมันมีความสูงขึ้นมาค่อนข้างมาก ใช่ครับ แม้ว่าตัวรองเท้าจะใช้ดรอปเดิมคือ 5 มิล แต่ความสูงนี่เพิ่มขึ้นมากว่า 5 เซนด้วยกัน Mach X 2 ปลายเท้า 39 มิล ส้นเท้า 44 มิล (Mach X ปลายเท้า 34 มิล ส้นเท้า 39 มิล) นี่จึงเป็นรองเท้าที่ผิดเกณฑ์ Worldathletics ไปอีกคู่ กลายร่างสู่ Super Trainer เต็มตัว
ส่วนเรื่องน้ำหนัก Mach X รุ่นก่อนชั่งได้ 267 กรัม (9US) แต่รุ่น Mach X 2 ผมขยับเพิ่มมา 0.5 ไซส์ น้ำหนักอยู่ที่ 257 กรัม (ไซส์ 9.5US) แม้ไซส์เพิ่มขึ้น แต่น้ำหนักเบาลงนะ แต่ถ้าถามว่ารู้ไหนรู้สึกถึงน้ำหนักมากกว่ากัน ต้องบอกว่า Mach X 2 นะ อาจเป็นเพราะความนุ่มที่เพิ่มขึ้น เลยรู้สึกจมนานกว่า Mach X นิดหน่อย
ไซส์
นี่เป็นอีกจุดที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะว่า HOKA Mach X 2 กลายร่างเป็นรองเท้าซิ่งเต็มตัว ถึงแม้ตัวรองเท้าจะได้แรงบันดาลใจมาจากร่น Cielo X1 ซึ่งฟิลลิ่งแรกที่ได้เหยียบและลองวิ่งก็ให้ความรู้สึกเหมือนเหยียบอยู่บน Cielo X1 จริงๆ (แสดงว่าโฟม Peba มาหนาเหมือนกันนะเนี่ย)
แต่เรื่องไซส์ผมกลับนึกไปถึง Rocket X 2 มากกว่า ที่ผมเคยลองแล้วรู้สึกว่าไม่พอดีเท้าเลย เพราะมันยาวและแคบ ซึ่ง Mach X 2 ก็เป็นเหมือนกัน ขนาดขยับไซส์ขึ้นมา 0.5 ไซส์ ช่วงกลางเท้ายังกระชับแนบพอดีเท้าเลย ความกว้างที่เป็นเอกลักษณ์ของรองเท้าวิ่ง HOKA ก็หายไป เราไม่รู้สึกว่าเป็นรองเท้าที่ใส่สบายเท่าไหร่ แต่มันใส่แล้วอยากซิ่งเหมือนรองเท้าแข่ง ลืมบอกไปรุ่นที่ขายมีหน้าเท้า Wide ให้เลือกนะ ผมว่าน่าจะเซฟสุด
ฉะนั้นไปลองกันให้ดีๆ ครับ ผมเพิ่มครึ่งไซส์กลางเท้าพอดี ปลายเท้าเหลือ ที่สำคัญ ‘ส้นหลุด’ เพราะมันไม่มีตัวล็อกส้นเท้า ทำให้รองเท้าที่ยาวยิ่งไม่ได้ล็อกส้นเเข้าไปใหญ่ (ส่วนตัวไม่ชอบผูกเชือกแบบ Runners Loop) ถึงแม้จะมีความกระชับช่วงกลางเท้าช่วยดึงเท้าให้ไปกับรองเท้า แต่ส้นไม่ได้ไปด้วยเลย และอาจจะมีอาการโฟมปลิ้นๆ ตรงส้นเท้าที่มันไม่ได้ล็อกบ้างเวลาลงส้นเท้า (ถ้าลงน้ำหนักปลายเท้าจะไม่เจออาการนี้)
ฟิลลิ่ง
สุดท้ายเป็นเรื่องของฟิลลิ่งหลังจากใช้งานมาแล้ว พบว่าถ้าตัดปัญหาเรื่องส้นหลุดออกไป (เอาจริงๆ ปัญหานี้วิ่งๆ ไปก็ลืม ไม่ถึงขนาดหลุดออกจากเท้า) เราว่า Mach X 2 เป็นรองเท้าวิ่งที่ชิลมากๆ วิ่งเพลินๆ ควบสนุก เหมาะทุกระยะ
ถึงแม้ว่ารูปทรงจะออกแบบมาเหมือนรองเท้าแข่ง แต่พอลองเร่งสปีดดูพบว่า โฟมมีอาการยุบ คืนตัวช้านิดๆ ถ้าเทียบกับการตอบสนองที่ไวของ Mach 6 คู่นั้นทำได้ดีกว่านะ แตะแล้วไปมากกว่า Mach X 2 จะมีความยุบและหน่วงนิดๆ แต่ก็ไหลไปได้เรื่อยๆ ไม่กลิ้งและเด้งเท่าไหร่ ส่วนเรื่องน้ำหนัก แม้จะดูเหมือนมาก แต่เวลาวิ่งไม่รู้สึกว่าหนักในระยะ 10 กิโล แต่ก็พอรู้สึกตัวอยู่ว่ามีน้ำหนักประมาณนึง
ถึงอย่างไร Mach X 2 ก็ตอบสนองได้ดีกว่า Mach X รุ่นแรก หรือ Skyflow ที่ทำออกมาใกล้เคียงกัน Mach X 2 มันจะเป็นรองเท้าวิ่งที่เราอยากจะรัก แต่ขอเวลาพิสูจน์ความรักให้นานกว่านี้หน่อย ไม่อยากตัดสินตั้งแต่ครั้งแรกที่สวมใส่ ใครชอบไม่ชอบยังไงบอกที
HOKA Mach X 2 ราคา 7,490 บาท
วางจำหน่ายในวันที่ 1 กันยายน 2024
ที่ร้าน HOKA EXPERIENCE STORE และ Rev Runnr