Prime X 2 STRUNG ผ่อนแรง ซิ่งได้แม้หนัก 302 กรัม

ในที่สุดรองเท้าที่เราเห็นคู่โปรโตไทป์ปรากฏตัวในหลายๆ งานก็วางขายเสียทีกับ adidas adizero Prime X 2 STRUNG ซึ่งเป็นรองเท้าวิ่งที่อัดแน่นทุกเทคโนโลยีของแบรนด์ adidas ไว้ในคู่เดียว ทั้งเทคโนโลยีการทอหน้าผ้า STRUNG ด้วยหุ่นยนต์ แผ่นคาร์บอนที่จัดเต็มมาให้ 2 ชั้นแบบไม่กั๊ก โฟมขั้นสุด Lightstrike Pro ที่มาช่วยรีดประสิทธิภาพของนักวิ่งให้มากที่สุด จนออกมาเป็นรองเท้าวิ่งสูงเกินลิมิต แต่ใครจะสน ไปดูกันว่าลองใช้แล้วเป็นอย่างไร ต้องมีอีกไหม?

หน้าผ้า

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของรองเท้าคู่นี้คือหน้าผ้า STRUNG ซึ่งเป็นเทคโนโลยีทอผ้าด้วยหุ่นยนต์ ที่เป็นนวัตกรรมจาก adidas และมีการทอที่ต่างไปจาก adizero Prime X รุ่นแรก ช่วยให้รองเท้ามีหน้าผ้าที่ไม่หนาจนเกินไป และลดภาระน้ำหนักจากหน้าผ้าได้ดี ประกอบกับตัวรถค่อนข้างหนาและสูง ฟิลลิ่งเหมือนรถถังอยู่ใต้เท้า

โฟมและคาร์บอน

แน่นอนว่า Prime X 2 STRUNG จะขาดโฟม Lightstrike Pro ที่เป็นหัวใจของความนุ่มเด้งไม่ได้ แม้จะมีความหนาถึง 50 มิล แต่ฟิลลิ่งก็มีความต่าง โดยเฉพาะบริเวณครึ่งหน้ากับครึ่งหลังของตัวรองเท้า ครึ่งหน้าโฟมมีความแน่นกว่า ในขณะที่ครึ่งหลังนุ่มยวบ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะตำแหน่งของแผ่นคาร์บอนบริเวณปลายเท้า ที่ซ้อนกันถึง 2 ชั้นเลยทีเดียว ซึ่งยังไม่มีรองเท้าวิ่งคู่ไหนในเวลานี้ที่ใส่แผ่นคาร์บอน 2 ชั้น

ต้องบอกก่อนว่าเราใช้ Prime X 2 STRUNG เป็นครั้งแรก ไม่เคยลอง Prime X รุ่นแรกมาก่อน จึงไม่สามารถเปรียบเทียบความต่างกับรุ่นก่อนหน้าได้ แต่สำหรับรุ่นนี้ฟิลลิ่งจากการใช้งานบอกเลยว่าเป็นรองเท้าที่ตอบสนองไว้ ช่วยประหยัดแรงนักวิ่งได้ชัดเจน แม้ตัวรองเท้าจะมีน้ำหนักค่อนข้างมาก แต่แทบไม่รู้สึกถึงความหนักของรองเท้าเลย

มีบางจังหวัดที่ลงน้ำหนักกลางเท้าบ่อยๆ อาจทำให้สัมผัสถึงน้ำหนักที่มากับตัวรองเท้าได้บ้าง หรือเอ๊ะกับความหนักของมัน แต่โดยรวมแล้วยังเป็นรองเท้าวิ่งที่ใช้ประโยชน์ของสิ่งที่มี กลบจุดด้อยของตัวเองได้ดี

พื้นรองเท้า

ปัญหาหนึ่งของ Prime X รุ่นแรกมาจากบริเวณใต้พื้นรองเท้า ที่มีการเจาะร่องพื้นช่วงกลางเท้า เพื่อลดน้ำหนักและช่วยในเรื่องการบีบตัวของโฟม แต่กลับกลายเป็นหอกทิ่มแทงตัวเอง เพราะมันดันสร้างความไม่มั่นคงให้กับนักวิ่งไม่น้อย ทำให้ใครที่ข้อเท้าไม่แข็งแรงอาจรู้สึกว่ารองเท้าไม่มั่นคงได้ (อันนี้ฟังเขามานะ)

แต่สำหรับ Prime X 2 STRUNG เหมือนจะออกแบบมาแก้ปัญหาเก่าโดยเฉพาะ ถ้าสังเกตดีๆ ช่วงกลางเท้าจะใช้โฟม Lightstrike Pro มาเชื่อมบริเวณกลางเท้า ไม่ให้เว้าเข้าไปลึกแล้ว และเพิ่มการเจาะร่องตรงกลางแทน ซึ่งพอเอาไปวิ่งก็สัมผัสได้ว่า รองเท้าค่อนข้างมั่นคง ไม่แกว่งกว่าที่คิด ถ้าเทียบกับ Boston 12 ที่เอาไปวิ่งก่อนหน้า กลับรู้สึกว่าคู่นั้นทำให้ข้อเท้าทำงานหนักกว่าที่คิด

ติดใจอะไรบ้าง?

อย่างแรกไม่พูดถึงไม่ได้คิดน้ำหนักของรองเท้า เราลองชั่งดูประมาณ 302 กรัม ไซซ์ 9US ถือว่าเยอะมากๆ สำหรับรองเท้าตัวท็อป แต่ก็ต้องยอมรับกับเทคโนโลยีที่ให้มา ซึ่งเขาการันตีด้วยว่าเป็นรองเท้าสำหรับวิ่งระยะไกล เรายังไม่ได้เอาไปวิ่งไกลมาก เต็มที่แค่ 15 กิโล เลยไม่รู้ว่าระยะมากกว่านี้จะออกอาการไหม

อีกจุดที่รู้สึกได้คือซอฟต์ด้านในมีอาการเสียดสีกับเท้า บริเวณข้างเท้าด้านในฝั่งซ้าย ถอดรองเท้าออกมานี่แดงเลย ด้วยความที่พื้นมันสูง และไม่ได้กว้างมา จึงยิ่งบีบให้แผ่นซอฟต์เข้าหากันและนำมาสู่การเสียดสีของตำแหน่งเท้า ก็คงต้องหาทางหลบเลี่ยงกันไป แต่โดยรวมเป็นรองเท้าที่คาแรกเตอร์ค่อนข้างแตกต่าง รวมถึงจุดมุ่งหมายในการออกแบบขึ้นมาก็แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ คิดว่าเป็นอีกคู่ที่น่ามีติดบ้านครับ โดยเฉพาะคนไทยพิเศษมากๆ เพราะมันมาพร้อมกับกล่องรองเท้าสวยๆ เช่นนี้

adidas adizero Prime X 2 STRUNG ราคา 9,400 บาท
ซื้อเดือนกันยายนได้รับกล่องใส่รองเท้า adizero ฟรีด้วยนะ
ซื้อเลยที่นี่

If you like sneakers, we’re neighbors.
Back To Top