รอบก่อนเห็นภาพ On Cloudmonster Hyper สีส้มกันไปแล้ว รอบนี้ใส่คู่จริงสีเขียว บอกเลยว่า สีเขียวกินขาด สวยจัดๆ โดยเฉพาะเชือก มันมีดีเทลกว่าเชือกปกติ และสีออกอมเทาๆ ม่วงๆ ลงตัวกับสีเขียวมากๆ เลย
ก่อนอื่นเล่าถึงความแตกต่างระหว่าง Cloudmonster 2 และ Cloudmonster Hyper ให้ฟังก่อน ว่ามีจุดไหนบ้าง
- การใช้งาน Cloudmonster Hyper นั้นออกแบบมาให้เป็นรองเท้า super trainer หรือรองเท้าขั้นกว่า daily trainer ทั่วไป อย่าง Cloudmonster 2 จะพิเศษขึ้นเพราะเป็น daily trainer ที่มีแผ่น Speedboard (วัสดุคาร์บอนผสมไนลอน) ด้วย ทั้งคู่ใส่ซ้อมได้ทุกวัน คาแรกเตอร์จะละแบบ แต่รู้สึกว่า Cloudmonster Hyper จะเป็นมิตรกว่านิดนึง นุ่มสบายกว่าด้วย
- โฟม Cloudmonster Hyper อัปเกรดโฟม Helion เดิมด้วยการเพิ่มโฟม Helion HF (Hyper foam) ที่ทำจากวัสดุ peba และอยู่ในรองเท้ารุ่นท็อปอย่าง Cloudboom Echo 3 นั่นเอง จึงมีความนุ่มเพิ่มขึ้นที่ปลายเท้า และตอบสนองไว แม้ไม่มีแผ่น
- แผ่นคาร์บอน Cloudmonster Hyper เป็นรองเท้าที่ไม่มีแผ่น เน้นการตอบสนองของโฟมเป็นหลัก ส่วน Cloudmonster 2 ถึงแม้จะใส่แผ่นมา แต่ก็เป็นวัสดุคาร์บอนผสมไนลอน ไม่ใช่คาร์บอนเพียวๆ อย่างใน Cloudboom Echo 3
- น้ำหนัก การถอดแผ่น และเปลี่ยนมาใช้โฟมที่มีน้ำหนักเบา ความหนาแน่นน้อยกว่า ทำให้น้ำหนักเบาลงขึ้นนิดนึง จากเดิม Cloudmonster 2 หนัก 295 กรัม แต่ Cloudmonster Hyper หนักแค่ 272 กรัม ตามสเปก นอกจากนี้ยังปรับหน้าผ้าเป็นวัสดุรีไซเคิลกว่า 85% ที่มีความบางกว่าเดิม จึงลดน้ำหนักลงไปได้กว่า 20 กรัม
เราได้ลองเทส On Cloudmonster Hyper ระยะสั้นๆ หลายๆ ย่านความเร็ว แบบไม่ได้รู้ดีเทลมาก่อน พบว่าเป็นรองเท้าคู่นึงที่ตอบสนองดีมากๆ ความนุ่มมันแน่ละ ได้โฟมตัวท็อปจากพี่ใหญ่ Cloudboom Echo 3 อย่าง Hyper foam (โฟมสีขาวๆ ที่ปลายเท้านั่นแหละ) มันนุ่มแบบหนึบๆ กดแล้วมา แต่มีหน่วงนิดๆ เอามาวัดกับ Superblast เลย แม้จะมีโฟมตัวท็อปแค่ครึ่งเท้าก็ตาม
ใครอยากทดสอบ On Cloudmonster Hyper ด้วยฝีเท้าตัวเองก็ไปลองกันได้ที่ Emquatier ชั้น 5 ฝั่ง Helix garden ทาง On Thailand ร่วมกับ Garmin และ Sport Mall เปิดให้ลองแบบ walk-in ได้เลย วันที่ 6 เมษายนวันเดียวเท่านั้น
On Cloudmonster Hyper ราคา 9,100 บาท
On Cloudmonster 2 ราคา 7,400 บาท
